เมนู

ทราบว่า ท่านพระสุปาริจริยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้แล.
จบสุปาริจริยเถราปทาน

อรรถกถาสุปาริจริยวรรคที่ 17


161. อรรถกถาสุปาริจริยเถราปทาน


อปทานของท่านพระสุปาริจริยเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปทุโม นาม
นาเมน
ดังนี้.
แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระมุนีเจ้าผู้ประ-
เสริฐพระองค์ก่อน ๆ ทุก ๆ ภพนั้นจะสั่งสมแต่บุญอันเป็นอุปนิสัย
แห่งพระนิพพานเป็นประจำเสมอ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
พระนามว่า ปทุมุตตระ ท่านได้เกิดในกำเนิดยักษ์ ไปยังสมาคมยักษ์ใน
หิมวันต์ ได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาคเจ้า จากพวกเทวดา
ยักษ์ คนธรรพ์ และนาคแล้ว มีใจเลื่อมใส คู้แขนทั้งสองเข้า ปรบมือ
นมัสการแล้ว. ด้วยบุญอันนั้น เขาจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ได้บังเกิด
ในเทวโลกชั้นสูง ๆ ขึ้นไป ได้เสวยทิพยสุขในเทวโลกนั้นแล้ว และได้
บังเกิดในมนุษยโลก เสวยสมบัติมีจักรพรรดิสมบัติเป็นต้นในหมู่มนุษย์
แล้ว ในพุทธุปบาทกาลนี้ เขาได้เกิดในตระกูลคฤหบดีในพระนครสาวัตถี
เป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมาก เลื่อมใสในพระรัตนตรัย ได้
ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้ว เกิดศรัทธาบวชแล้ว ไม่นานนัก
ก็ได้บรรลุพระอรหัต.

วันหนึ่ง ท่านระลึกถึงบุพกรรมของตนเองได้ เกิดความโสมนัสใจ
เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน จึงกล่าว
คำเริ่มต้นว่า ปทุโม นาม นาเมน ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า
ปทุโม ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า ถึงการนับว่า ปทุมะ เพราะ
สัญญาในเวลาที่จะวางพระบาทลง จะมีดอกบัวแทรกแผ่นดินโผล่ขึ้นมา
รองรับพื้นพระบาทของพระองค์. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า
ปทุมุตตระ พระอรรถกถาจารย์ประสงค์ในบทว่า ปทุโม นี้. เชื่อม
ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เสด็จออกจากพระวิหารที่
ประทับ แล้วเสด็จเข้าไปยังท่ามกลางป่า ทรงแสดงธรรมแล้วแล. บทว่า
ยกฺขานํ สมโย ความว่า ได้มีสมาคมของเทวดาทั้งหลายแล้ว. บทว่า
อชฺฌาเปกฺขึสุ ตาวเท ความว่า ได้เห็นแจ้งชัดในเวลาแสดงธรรมนั้น,
คือได้มีปกติเห็นชัดโดยพิเศษ. คำที่เหลือมีเนื้อความปรากฏชัดแล้วที
เดียวแล.
จบอรรถกถาสุปาริจริยเถราปทาน

กณเวรปุปผิยเถราปทานที่ 2 (162)


ว่าด้วยผลแห่งการโปรยดอกชบาถวาย


[164] พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ เชษฐบุรุษของ
โลก ประเสริฐกว่านระ แวดล้อมด้วยพระสาวกทั้งหลาย
เสด็จดำเนินไปสู่พระนคร.

เราเป็นผู้ได้รับแต่งตั้งให้ เป็นผู้คุ้มครอง ในภายในพระ-
ราชวัง เราเข้าไปในปราสาท ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า
ผู้นำของโลก.

จึงถือ (เก็บ) เอาดอกชบาไปโปรยลงในภิกษุสงฆ์ แยก
พระพุทธเจ้าไว้แผนกหนึ่ง โปรยดอกชบาลงบูชายิ่งกว่านั้น.

ในกัปที่ 94 แต่กัปนี้ เราได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยดอกไม้
ใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่ง
พุทธบูชา.

ในกัปที่ 87 แต่กัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 4 ครั้ง
ทรงพระนามว่ามหิทธิกะ สมบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ
มีพละมาก.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว
ดังนี้.